รากฟันเทียมทั้งปาก 2025: ค่าใช้จ่ายจริงและสิ่งที่ควรรู้ล่วงหน้า

การทำรากฟันเทียมทั้งปากในปี 2025 เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูฟันทั้งชุดอย่างถาวรและมีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายจริงอาจแตกต่างกันไปตามเทคนิคที่ใช้ วัสดุของรากฟัน และความซับซ้อนของการรักษาแต่ละราย โดยทั่วไปอาจอยู่ในช่วงหลักแสนบาท แต่สามารถผ่อนจ่ายหรือใช้โปรแกรมสนับสนุนบางประเภทได้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อราคา รูปแบบการรักษาที่มี และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา

รากฟันเทียมทั้งปาก 2025: ค่าใช้จ่ายจริงและสิ่งที่ควรรู้ล่วงหน้า

ตัวเลือกการรักษารากฟันเทียมทั้งปากมีอะไรบ้าง

การรักษาด้วยรากฟันเทียมทั้งปากมีหลายรูปแบบ ได้แก่ All-on-4 ที่ใช้รากฟันเทียม 4 ตัวรองรับฟันเทียมทั้งชุด, All-on-6 ที่ใช้รากฟันเทียม 6 ตัว และการฝังรากฟันเทียมแบบทีละซี่ แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน ทันตแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพช่องปากและความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย

ปัจจัยที่มีผลต่อราคารากฟันเทียมมีอะไรบ้าง

ราคารากฟันเทียมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น:

  • จำนวนรากฟันเทียมที่ต้องใช้

  • วัสดุที่เลือกใช้ (ไทเทเนียม เซอร์โคเนีย)

  • ความซับซ้อนของการผ่าตัด

  • ความจำเป็นในการทำกระดูกเสริม

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์

  • สถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษา

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมทั้งปากเป็นอย่างไร

การรักษาประกอบด้วยหลายขั้นตอน:

  1. ตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษา

  2. เตรียมช่องปากและทำการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม

  3. ระยะพักฟื้นให้รากฟันเทียมเชื่อมกับกระดูก (3-6 เดือน)

  4. ติดตั้งฟันเทียมถาวร

  5. ตรวจติดตามผลและดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง

เปรียบเทียบราคารากฟันเทียมทั้งปากปี 2025


รูปแบบการรักษา ราคาโดยประมาณ (บาท) ระยะเวลารักษา
All-on-4 250,000 - 400,000 4-6 เดือน
All-on-6 300,000 - 500,000 4-6 เดือน
รากฟันเทียมทีละซี่ 450,000 - 700,000 6-12 เดือน

*ราคาและข้อมูลที่แสดงเป็นเพียงการประมาณการณ์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานพยาบาลและปัจจัยอื่นๆ กรุณาปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับข้อมูลที่แม่นยำ

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียม

  • ต้องมีสุขภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

  • ควรเลิกสูบบุหรี่เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการรักษา

  • ต้องดูแลรักษาความสะอาดช่องปากอย่างสม่ำเสมอ

  • ควรเลือกทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

  • อาจต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารบางอย่าง

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ กรุณาปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับกรณีของท่าน